หลังจากที่ลงทุนทำเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานแฟนสาว "นิว นภัสสร ภูธรใจ" กลางเวทีคอนเสิร์ต จนกลายเป็นกระแสฟินเวอร์โดนใจแฟนๆ ทั่วประเทศแล้ว ล่าสุดพิธีกรหนุ่มอารมณ์ดี "" ก็ได้ออกมาเปิดใจถึงแผนเซอร์ไพรส์ดังกล่าวโดยเจ้าตัวเผยว่า ทั้งหมดมีการเตรียมการเพียงแค่ 1 เดือนเท่านั้น เนื่องจากได้เปลี่ยนแปลงสถานที่จากเดิมตั้งใจไว้ว่าจะเป็นทริปชมแสงเหนือในต่างประเทศ กับกลุ่มเพื่อนสนิท แต่ตนมองว่าหากได้ขอฝ่ายหญิงในสถานที่ๆ มีแต่คนที่รักน่าจะทำให้มีความสุขมากกว่า

ซึ่งหลังจากนี้หนุ่มเป๊กตั้งใจจะควงสาวนิวไปดูฤกษ์แต่งงานกับพระผู้ใหญ่ที่นับถือ แต่เนื่องจากเจ้าตัวมีแพลนจะเข้าพิธีอุปสมบททดแทนพระคุณพ่อแม่ในช่วงปลายปีนี้ ดังนั้นการจัดงานวิวาห์ก็น่าจะถูกจัดขึ้นภายในปีหน้า...

ขอแต่งงานกลางคอนเสิร์ตไปแล้วเป็นยังไงบ้าง ?
"เอ่อ...วันนั้นคิดว่าตื่นเต้นแล้วนะ แต่เชื่อไหมว่าวันนี้ตื่นเต้นมากกว่าอีก คือเราทำมันไปแล้ว และเราก็ไม่รู้ด้วยว่าฟีดแบคจะออกมาในรูปแบบนี้ มีความสุขดีครับ แฮปปี้"

เราเตรียมการมานานขนาดไหน ?
"แทบจะไม่ถึงเดือนครับเนื่องจากว่ามันมีการเปลี่ยนแผน คือตอนแรกเลยผมตั้งใจจะไปขอเขาที่ แสงเหนือ ในต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็คิดว่า เอ๊ะ...เปลี่ยนใจมาขอเขาที่แสงดาวแทนดีกว่า เพราะพื้นที่ตรงนั้นมีคนที่รักเขาอยู่เยอะ หลังขอเสร็จแล้วเขาน่าจะกอดคนที่รักเขาได้หลายๆ คน ไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ เพื่อน หรือใครก็ตามที่รักเขาทั้งหมด"

มีใครรู้บ้างว่าเราจะเซอร์ไพรส์ขอแต่งงานบนเวที ?
"น้อยมากครับ ขนาดอ๊อฟยังเหวอเลย (ยิ้ม) ก็อย่างที่บอกคือเรามีเวลาเตรียมการน้อยมาก แต่ก็โชคดีอีกเหมือนกันตรงที่มีพี่ๆ ที่รักเราสองคนเขามาช่วยสนับสนุน ไม่ว่าจะเป็นการจัดไฟ การจัดแสง รวมถึงเรื่องดนตรี คือพี่ๆ ทุกคนช่วยผมเต็มที่มากเลยครับ"

ทำไมเราถึงเลือกจะขอเขาแต่งงานด่วยวิธีนี้ ?
"การขอแต่งงานนักร้องจะให้ไปขอที่ไหน (หัวเราะ) ดังนั้นผมก็เลยคิดว่านี่แหละจะต้องขอเขาบนเวทีน่าจะดีที่สุด บวกกับเพลงที่ผมเคยแต่งพอได้นำมาร้องในวันนั้นมันก็ยิ่งสื่อความหมายให้ลงตัว แต่ถามว่าตื่นเต้นมากไหม ก็...ไม่มากหรอกครับ เพราะปกติผมก็มีเซอร์ไพรส์ให้เขาบ่อยๆ อยู่แล้ว แต่หลายคนอาจจะตกใจว่าทำไมผมถึงกล้าไปขอบนเวทีคอนเสิร์ต ซึ่งอันนี้จริงๆ แล้วผมไม่ได้คิดอะไรมากขนาดนั้นนะ เพียงแต่ผมแค่อยากทำให้มันดีที่สุดสำหรับเขาก็เท่านั้นเอง"

วินาทีนั้นลุ้นไหมว่าเขาจะตอบตกลงหรือเปล่า ?
"ลุ้นเหมือนกันครับ เพราะตอนแรกคิดว่าเขาน่าจะมองตาแล้วก็รู้ว่าต้องเซย์เยส แต่ของจริงมันไม่ใช่แบบนั้น (หัวเราะ) ทุกอย่างมันเป็นสถานะการณ์สดๆ หมดเลย"

น้ำตาไหลกันทั้งคู่เลย ?
"พอขึ้นมาบนเวทีก็เห็นเขาน้ำตาซึมแล้วครับ ส่วนตัวผมเองก็ร้องเพลงไปน้ำตาไหลไป แต่วินาทีนั้นมันต้องบังคับตัวเองไงครับว่าอย่าสะอื้นต้องร้องเพลงให้จบ สุดท้ายก็ฮึบๆ จนพูดประโยคสุดท้ายได้"

เราบอกว่าไม่ตื่นเต้นแต่ก็ถึงขนาดสวมแหวนผิดมือนะ ?
"อันนั้นไม่ใช่มุขเลยนะ (หัวเราะ) คือวินาทีนั้นได้เห็นมือก็อยากจะสวมแหวนแล้วอ่ะ"

ก่อนจะไปขอได้บอกผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไว้หรือยัง ?
"เรียบร้อยแล้วครับ คือแผนทุกอย่างนิวเขาไม่ได้รู้อะไรมากมายเลย เพราะเอาจริงๆ แผนนี้ถึงแม้เราจะวางไว้ไม่ถึงเดือน แต่ผมก็คิดมาเป็นปีๆ แล้ว เนื่องจากตอนแรกจะไปขอเขาที่แสงเหนือ เพื่อนๆ จองตั๋วเครื่องบินกันเรียบร้อยแล้วด้วย แต่สุดท้ายเราก็มองว่ามันใช่ เลยเปลี่ยนมาขอเขาในที่ๆ มีแต่คนที่รักเขาดีกว่า"

แสดงว่าเราเองก็พร้อมมานานแล้ว ?
"ผมก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันนะว่าทำไมถึงพร้อม แต่ความพร้อมมันน่าจะหมายถึง ผมไม่ได้พร้อมเรื่องเงินหรือปัจจัย แต่ผมพร้อมด้วยใจที่มั่นคง ดังนั้นการขึ้นไปขอเขาบนเวทีมันเลยไม่ได้เป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นมากสำหรับผม และการที่เราไม่ได้ตื่นเต้นมากมันก็คงเป็นสัญญาณที่บอกว่าพร้อมแล้วสำหรับผม"

เตรียมการเรื่องงานแต่งงานไปถึงไหนแล้ว ?
"เอ่อ...ฤกษ์ขอผ่านไปแล้วนะครับ ส่วนฤกษ์แต่งยังไม่ได้คุยกับหลวงพี่ทีเลย เพราะมันต้องไปกันเป็นคู่ แต่ผมคิดว่าน่าจะเป็นช่วงประมาณปีหน้านะ"

แล้วสำหรับการบวชที่เราเคยเกริ่นๆ ไว้จะมี ?
"ก็คงต้องมีก่อนแต่งงานครับ น่าเป็นในช่วงปลายๆ ปีนี้ เพราะตั้งใจไว้ประมาณนั้น"

ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเขาใช่แล้ว ต้องแต่งกับคนนี้เท่านั้น ?
"ก็ไม่รู้ว่าจะรอไปทำไมนะ เพราะอีกกี่ปีก็ต้องเป็นคนนี้ คือผมไม่ได้คิดที่จะเปลี่ยนใจหรืออะไรแล้ว อีกอย่างเขาคือคนดี เขาคือคนที่จริงใจ น่ารัก ไม่มีพิษมีภัย เอ่อ...ไม่รู้สำครับ มันบอกไม่ถูกจริงๆ รู้แค่ว่าเขาใช่"

เพื่อนๆ รอบข้างว่ายังไงบ้าง ?
"ไม่รู้เหมือนกันครับ ตอนนี้ก็พยายามหลบๆ คนรอบข้างเพราะมันมีฟีดแบคเยอะมากจริงๆ ทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะพูดกับคนอื่นยังไง"

แหวนที่สวมให้เป็นแหวนอะไร ?
"เป็นแหวนเพชรครับ ส่วนเรื่องกี่กะรัตหรือเท่าไหร่นั้นผมคิดว่าเน้นเรื่องหัวใจดีกว่า (หัวเราะ)"

แล้วแหวนแต่งงานตั้งใจจะให้เป็นแบบไหน ?
"ผมคิดว่าจะให้เขาเป็นคนดีไซน์เองครับ เพราะเขาเป็นคนที่ชอบออกแบบ ชอบวาดรูปอยู่แล้ว (ยิ้ม)"

ที่มา : snook