โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ ให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคฝึกทักษะชีวิตให้ลูกน้อย ดังนี้ วัยอนุบาล ทักษะชีวิตยังไม่เยอะมาก แต่จะเน้นไปที่เรื่องของการฝึกอีคิว เพราะทักษะชีวิตจริงๆ จะเน้นองค์ประกอบหลายด้าน เช่น องค์ประกอบด้านความคิด คิดสร้างสรรค์ หรือคิดวิเคราะห์ ด้านเจตคติ ก็คล้ายเรื่องการฝึกอีคิว จะมีเรื่องของการพัฒนาจิตใจที่เข้าอกเข้าใจคนอื่นหรือว่ารู้จักตัวเองว่าชอบอะไร มีจุดเด่นจุดด้อยอย่างไร

           “อีกหนึ่งองค์ประกอบของทักษะชีวิตคือเรื่องสังคมหรือพฤติกรรมต่างๆ เช่น การควบคุมอารมณ์ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการเข้าสังคม การสร้างสัมพันธภาพ สำหรับเด็กวัยอนุบาล ทักษะในส่วนของการคิดวิเคราะห์จะยังไม่เยอะ

          ดังนั้น ส่วนที่เราจะฝึกเขาได้ก็คือในส่วนของความคิด เจตคติ และเรื่องจิตใจ หรือการฝึกอีคิว เช่น การฝึกให้เขารู้จักเข้าอกเข้าใจคนอื่น เห็นอกเห็นใจคนอื่น” ในกระบวนการขั้นตอนของการฝึกทักษะชีวิตนี้ บุคคลที่มีส่วนสำคัญที่สุดในการจะสร้างทักษะชีวิตให้กับลูก เพื่อเป็นพื้นฐาน ก็คือ คุณพ่อคุณแม่ “พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบ อย่างถ้าเราจะสอนให้เขารู้จักเรื่องการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ระหว่างที่ปฏิบัติสิ่งต่างๆ พ่อแม่ก็ต้องแสดงให้ลูกเห็น อาจจะเป็นการพูดหรือสีหน้าท่าทางก็ได้”ส่วนเรื่องกล้ามเนื้อ พ่อแม่ก็อาจให้ลูกช่วยทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เช่น ช่วยกวาดบ้าน ทำความสะอาดล้างถ้วยล้างจาน ซึ่งเราจะพบว่าเวลาที่เด็กได้ทำอะไรแบบนี้ เขาจะได้ใช้ความคิดไปด้วย และจะเกิดการสื่อสาร เช่น ทำอะไรไม่ได้ก็จะถามคุณพ่อคุณแม่ รวมไปจนถึงการพยายามหาทางแก้ปัญหา เช่น จะตากผ้า แต่ราวผ้าอยู่สูง เขาจะแก้ปัญหายังไง

          สิ่งเหล่านี้มีส่วนช่วยในการเพิ่มทักษะชีวิตได้เช่นกัน “ประโยชน์ของการฝึกทักษะชีวิตที่จะเกิดขึ้นแน่นอนก็คือ มันจะทำให้คนรู้สึกมั่นใจในตัวเอง รู้สึกดีๆ เกี่ยวกับตนเอง เพราะฉะนั้น อะไรก็ตาม ที่จะนำเด็กไปสู่การมองตัวเองในแง่ลบ อันนี้ต้องหลีกเลี่ยง สิ่งที่เราต้องทำก็คือการให้กำลังใจเวลาที่ฝึกทักษะแต่ละอย่าง”ด้วยความห่วงใยจาก โรงพยาบาลจิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์

 

 

          ที่มา: สำนักข่าว กรมประชาสัมพันธ์

          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต