"ปลาสวาย" เป็นปลาน้ำจืดที่มีโอเมก้า3 สูงถึง 2,570 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนัก 100 กรัม มากกว่าปลาทะเล อย่างปลาแซลมอนที่มีโอเมก้า 3 ราว ๆ 1,000-1,700 มิลลิกรัมเท่านั้น ทำให้เราไม่ต้องไปซื้อปลาทะเลแพงๆรับประทาน เราก็ได้กรดไขมันโอเมก้า 3 ได้เหมือนกัน

โดยส่วนใหญ่พอได้ยินคำว่า "โอเมก้า 3" เราก็มักจะนึกถึงกรดไขมันชั้นดีที่มีอยู่ในปลาทะเล อย่าง ปลาแซลมอน ปลาเทราต์ ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแมคคาเรล ซึ่งปลาเหล่านี้เป็นปลาที่นำเข้าจากต่างประเทศและมีราคาค่อนข้างสูง จึงไม่ค่อยมีใครนึกถึงปลาน้ำจืดของไทย ว่าจริงๆแล้วก็มีปลาบางชนิดที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูงไม่แพ้ปลาทะเลจากเมืองนอกเลย

นอกจากนี้ปลาช่อน ยังมีโอเมก้า3 สูง ถึง 870 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม รวมทั้งปลากะพงขาว มีโอเมก้า3 ประมาณ 310 มิลลิกรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม และที่สำคัญหาซื้อง่าย แถมราคายังถูกกว่าปลาทะเลน้ำลึกอีกด้วย โอเมก้า3 มีดีอย่างไรต่อร่างกาย

ป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด เพราะโอเมก้า 3 จะช่วยป้องกันการสะสมของไขมันอิ่มตัว หรือคอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดอุดตัน บำรุงสมอง เพราะกรดไขมัน DHA ในโอเมก้า3 จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของสมองในส่วนความจำ การเรียนรู้ ความสามารถของสมอง อารมณ์ และพฤติกรรม

ดังนั้นที่เขาว่ายิ่งทานปลายิ่งฉลาด ก็น่าจะเพราะเหตุผลข้อนี้ล่ะค่ะ บำรุงระบบประสาทและสายตา เพราะโอเมก้า3 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นต่อการสร้างผนังเซลล์กรด EPA ในน้ำมันปลา มีบทบาทสำคัญในการรักษาโรคซึมเศร้า อาการขาดสมาธิ นอนไม่หลับ

 

 

ที่มา : เว็บไซต์โพสต์ทูเดย์

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต