ในปัจุบันเราต้องออกไปเผชิญมลภาวะที่อยู่ในอากาศและสิ่งแวดล้อมอยู่ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นควันจากท่อไอเสีย อาหารและน้ำดื่มที่ไม่สะอาด เชื้อโรคที่อยู่ตามสิ่งของ ทำให้สารพิษเหล่านั้นสะสมอยู่ในร่างกายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จนก่อให้เกิดโรคต่างๆ

 

 

ดังนั้น อย่ารอช้า อย่าปล่อยให้สารพิษสะสมจนเกิดผลเสียไปมากกว่านี้ เรามาดีท็อกซ์ทั้งร่างกายและจิตใจ ขจัดสิ่งตกค้างออกไปเพื่อให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น

1. ดื่มน้ำ น้ำมีความสำคัญต่อทุกระบบในร่างกาย และเป็นส่วนประกอบในทุกอวัยวะของร่างกาย การดีท็อกซ์ ด้วยการดื่มน้ำสะอาดจึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะขาดไม่ได้ โดยปกติเลือดจะผ่านเข้าไปกรองที่ไตและกลายเป็นปัสสาวะประมาณ 100 มิลลิลิตรต่อชั่วโมง ซึ่งจะทำให้น้ำในเซลล์ลดลง ดังนั้นการดื่มน้ำชดเชย 100 มิลลิลิตร ทุกชั่วโมงจึงเป็นสิ่งที่ดี หรือดื่มให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว น้ำดื่มที่สะอาดจะเป็นตัวช่วยดีท็อกซ์หรือล้างสารพิษที่ทรงประสิทธิภาพในการขับของเสีย ที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกมาในปัสสาวะ สำหรับคนที่มีปัญหาท้องผูก แนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าทันทีหลังจากตื่นนอนตอนเช้า 1-2 แก้ว จะช่วยทำความสะอาดลำไส้ และกระตุ้นระบบขับถ่ายได้ดี

2. เพิ่มใยอาหาร ลำไส้ใหญ่มีหน้าที่กำจัดของเสียจากอาหารที่เรากินเข้าไปด้วยการขับถ่ายอุจจาระทุกวัน และสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การล้างพิษตามธรรมชาติของลำไส้ใหญ่มีประสิทธิภาพ คือ เส้นใยอาหาร ที่ร่างกายได้รับจากการกินอาหารประเภทข้าวกล้อง ซีเรียลโฮลเกรน ข้าวโอ๊ต ถั่ว ผักและผลไม้ เป็นต้น ใยอาหารจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาดธรรมชาติที่คอยกวาดของเสียออกจากร่างกาย ลดการดูดซึมหรือสัมผัสสารก่อมะเร็งที่อาจปนเปื้อนเข้ามา ช่วยเพิ่มมวลอุจจาระ

ทำให้ช่วงเวลาที่กากอาหารค้างอยู่ทางเดินอาหารสั้นลง แต่เรามักละเลยและบริโภคใยอาหารได้ไม่มากพอ สำหรับคนที่มีปัญหาการกินผักและผลไม้ อาจเลือกดื่มผลิตภัณฑ์ที่มีการเสริมใยอาหารเพิ่มเติม เช่น เครื่องดื่มธัญญาหาร

3. ออกกำลังกาย ควรออกกำลังกายไม่ต่ำกว่าวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน การออกกำลังกายจะช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดทำงานดีขึ้น ร่างกายจะขับเหงื่อ และขับท็อกซิน และยังช่วยให้ระบบการย่อย ระบบหายใจ และระบบประสาททำงานได้ดีขึ้นด้วย และเมื่อร่างกายได้ขยับ ลำไส้ก็ได้ขยับด้วย ทำให้ระบบการขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น สารพิษที่คั่งค้างในลำไส้ก็ถูกขับออกมา นอกจากนี้ การออกกำลังกายยังช่วยให้จิตใจแจ่มใส สดชื่น จึงช่วยดีท็อกซ์ใจไปด้วยในตัว

4. ฝึกหายใจล้างพิษ คนที่มีความเครียดสูง มักหายใจเร็วและสั้น คือมีการขยับของทรวงอกมากกว่าช่องท้อง วิธีฝึกหายใจแบบล้างพิษจะช่วยขับไล่ของเสียในเลือด ช่วยขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกจากร่างกายได้มากและเพิ่มประสิทธิภาพของระบบการไหลเวียนเลือดและระบบการหายใจ ส่งผลให้ร่างกายสะอาดมากขึ้น

 วิธีการฝึก สามารถทำได้ทั้งในท่านั่งหรือท่ายืน โดยควรทำในที่ที่มีอากาศถ่ายเทดี ดังนี้

1. หายใจเข้า ให้ท้องพอง ทรวงอกยกขึ้นจนเต็มที่ กลั้นลมหายใจไว้ 2-3 วินาที

2. ค่อยๆ ระบายลมหายใจออกมาผ่านไรฟันและริมฝีปาก ให้เกิดเสียง ซี จนรู้สึกว่าปอดและท้องแฟบ

3. ปฏิบัติเช่นนี้วันละ 5 นาที หรือมากกว่านี้ตามต้องการ

 

 

ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า

ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต