ลูกรัก “กินยาก” ปัญหาระดับชาติที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่บางท่านถึงกับเครียด แม้จะพยายามทุกทาง เพื่อให้ลูกรับประทานอาหารให้ได้ดั่งใจ

 

 

ลูกรัก “กินยาก” ปัญหาระดับชาติที่ทำให้คุณพ่อคุณแม่บางท่านถึงกับเครียด แม้จะพยายามทุกทาง เพื่อให้ลูกรับประทานอาหารให้ได้ดั่งใจ ตั้งแต่เคี่ยวเข็ญ คะยั้นคะยอ อ้อนวอน ให้สินบน สร้างเงื่อนไขกับเด็ก หรือบังคับลงโทษด้วยวิธีต่างๆแต่อาจเป็นผลให้เด็กต่อต้านมากขึ้น รุนแรงขึ้นและกลายเป็นปัญหาเรื้อรัง

ผู้เชี่ยวชาญเด็ก ระบุว่า 30% ของเด็กอายุระหว่าง 2-4 ปี มีพฤติกรรมการกินผิดปกติ คือรับประทานอาหารช้า อมข้าว หรือร้องไห้อาละวาด ไม่ยอมกิน บ้วนทิ้ง หรืออาเจียนอาหารที่รับประทานเข้าไปแล้วออกมาซึ่ง พฤติกรรมนี้ มีผลต่อการเจริญเติบโตและการพัฒนาของเด็กทั้งการพัฒนาทางกายภาพ (น้ำหนักและส่วนสูง) และการพัฒนาทางจิตใจ (IQ และ EQ) ซึ่งปัญหาทั้ง 2 ด้านนี้จะรุนแรงมากเมื่อน้องโตขึ้น โดยอาจส่ง ผลถึงพฤติกรรมการปรับตัวให้เข้าสังคม

นพ.พงษ์ศักดิ์ น้อยพยัคฆ์ กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการและพฤติกรรม คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่สามารถป้องกันและรับมือกับปัญหาการกินยากของลูกได้โดยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใน 3 มิติดังนี้

1. เริ่มอาหารเสริมเมื่อถึงวัยที่เหมาะสม และควรฝึกให้ลูกทานอาหารโดยเลือกอาหารที่ลูกสามารถหยิบจับได้เอง ให้ออกกำลังกายหรือกิจกรรมเคลื่อนไหวระหว่างวันเพื่อกระตุ้นให้ลูกหิว ให้เด็กรับประทาน อาหารหลักที่มีสารอาหารครบถ้วนทั้ง 5 หมู่ โดยสลับสับเปลี่ยนชนิดของอาหารอยู่เสมอ หรือเสริมด้วย “อาหารสูตรครบถ้วนสำหรับเด็ก” เข้าในแต่ละมื้ออาหารด้วย

2. กำหนดเวลากำหนดช่วงเวลาทานอาหารให้สม่ำเสมอ และจัดสิ่งแวดล้อมให้เหมาะสม และหลีกเลี่ยงสิ่งที่จะดึงดูดความสนใจต่างๆ ของลูกระหว่างรับประทาน

3. ควรให้ลูกรับประทานอาหารด้วยตนเองเมื่อเด็กเริ่มทำได้ไม่ใช้อาหารเป็นรางวัล ไม่ใช้การเล่นเพื่อดึงดูด เชิญชวน หรือหลอกล่อให้ลูกทานข้าว ควรเก็บอาหารออก หากเด็กไม่สนใจ อมอาหาร และหยุดการรับประทานทันที หากลูกเริ่มขว้างปาอาหาร

นพ.พงษ์ศักดิ์ ย้ำว่า คุณพ่อคุณแม่ควรปฏิบัติต่อพฤติกรรมการรับประทานอาหารของลูกด้วยความ “หนักแน่น สม่ำเสมอ และอดทน” จะสามารถช่วยให้ลูกปรับตัวและลดปัญหาการรับประทานลงได้ทั้งนี้เพื่อ ศึกษาพฤติกรรมการกินอาหารของเด็กเพื่อให้มีพัฒนาการทางด้านร่างกายและส่วนสูงตามวัยนั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากตัวเด็กเอง รวมถึงความเอาใจใส่อย่างสม่ำเสมอของคุณพ่อคุณแม่ด้วย เพื่อส่งผลที่ดี สำหรับการก้าวสู่พัฒนาการที่ดีรอบด้านของลูกน้อยไปพร้อมๆ กัน

 

 

ที่มา : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์