ปกติคนเรามักจะมองข้ามความสำคัญของการสังเกตปัสสาวะ ทั้งที่จริงๆแล้วความผิดปกติของปัสสาวะนั้นสามารถบ่งบอกภาวะที่เกิดขึ้นกับร่างกายได้อีกมาก และเพื่อให้คุณสามารถรับมือกับปัสสาวะที่เปลี่ยนไปได้มากขึ้น เรามีวิธีตรวจเช็กปัสสาวะด้วยตัวเองมาแนะนำ

1.เช็กความถี่ของปัสสาวะ

ตามปกติในเวลากลางวันคนทั่วไปควรจะปัสสาวะประมาณ4-6ครั้งแต่หากน้อยกว่านั้นหรือไม่ปวดปัสสาวะเลย ก็อาจเป็นตัวชี้ว่าคุณกำลังเป็นโรคไตระยะเริ่มต้น รวมถึงโรคหัวใจ ซึ่งเกิดจากการที่เลือดไหลเวียนไปที่ไตไม่เพียงพอ หรืออาจเกิดจากการขาดน้ำอย่างมาก ส่วนในเวลากลางคืน ควรจะปัสสาวะไม่เกิน 1 ครั้ง แต่หากตื่นมาปัสสาวะบ่อยอาจเป็นตัวแสดงการเกิดโรค เช่น การขาดฮอร์โมน Aldosterone รวมไปถึงการเกิดโรคเบาจืด

2.เช็กสีของปัสสาวะ

ในคนปกติ ปัสสาวะควรมีสีเหลืองอ่อนๆ แต่ก็มีโอกาสเปลี่ยนได้หลายสี เช่น ในกรณีการขาดน้ำ ปัสสาวะจะมีสีเข้มขึ้น หรือในกรณีที่ปัสสาวะมีสีอื่นก็สามารถบ่งบอกได้ถึงความผิดปกติได้ เช่น สีแดง หรือมีสีเลือดปนอาจหมายถึงการติดเชื้อบริเวณทางเดินปัสสาวะ หรือจากนิ่ว  สีเขียวหรือสีเหลืองปนส้ม อาจหมายถึงการเป็นโรคเลือดที่มีการแตกตัวของเม็ดเลือดแดงมาก  สีเหลืองปนเขียวอาจหมายถึงการเป็นโรคตับ

3.กลิ่นของปัสสาวะ

กลิ่นปัสสาวะทั่วไป จะคล้ายกับกลิ่นของยูเรีย หรือแอมโมเนียจางๆ ซึ่งถือว่าเป็นกลิ่นเฉพาะตัว หากพบว่าปัสสาวะมีกลิ่นผิดปกติไป เช่นมีกลิ่นคล้ายเหม็นเน่า ก็เป็นไปได้ว่าอาจมีการติดเชื้อเกิดขึ้น

 

ที่มา : เว็บไซต์มติชนออนไลน์