เชื่อว่านักปั่นทั้งหลายที่หลงรักการปั่นจักรยาน คงมีสุขภาพที่สตรองกันสุดๆ อยู่แล้ว เพราะการปั่นจักรยานนี่แหละทำให้กล้ามเนื้อและส่วนต่างๆ ของร่างกายแข็งแรง แต่ว่าในความเฮลตี้นี่เอง อาจแอบซ่อนไว้ด้วยเรื่องที่ใครหลายคนละเลยไป ซึ่งส่งผลต่อสุขภาพของนักปั่นแบบไม่รู้ตัว FEELGOOD ขอนำวิธีการดูแลขวดน้ำเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นไปอีกของเหล่าสิงห์นักปั่นมาฝากกัน

 

ทำความสะอาดด้วยมือ

อย่างที่ทราบกันดีว่าวิธีทำความสะอาดขวดน้ำดื่มที่สะอาดและรวดเร็วที่สุดคือ การล้างขวดน้ำด้วยมือ โดยการใช้น้ำอุ่นและสบู่เหลวสำหรับการทำความสะอาด เพราะการใช้สบู่เหลวทำความสะอาดนั้นได้ผลดีที่สุด และถ้าให้ดีนักปั่นจักรยานทุกท่านควรล้างขวดน้ำหลังจากการปั่นจักรยานทุกครั้ง

ใช้แปรงขัดหน่อยสิ

อีกหนึ่งอุปกรณ์ช่วยทำความสะอาดขวดน้ำที่ได้ผลดีไม่แพ้กันนั่นคือ การใช้แปรงขัดช่วยทำความสะอาดคราบแบคทีเรียต่างๆ ที่ฝังลึกจนมือไม่สามารถทำความสะอาดได้ เพราะการออกแบบของแปรงขนที่ช่วยทำความสะอาดซอกซอนทุกซอกทุกมุม จึงทำให้นักปั่นไม่ต้องมากังวลใจว่าขวดน้ำที่นำมาใส่น้ำดื่มนั้นสะอาดแล้วหรือยัง แถมยังหาซื้อได้ง่ายตามห้างสรรพสินค้า หรือแผนกทำความสะอาดต่างๆ

“ห้ามลืมโดยเด็ดขาดคือ การทำความสะอาดปากขวดน้ำ เพราะปากขวดนี่เองเป็นด่านแรกที่สัมผัสกับปากของเรา ดังนั้นควรล้างปากขวดน้ำด้วยสบู่เหลวเพื่อความสะอาดด้วยจะดีมาก”

ลืมเครื่องล้างจานไปได้เลย

ในบ้านเราคงไม่ต้องห่วงเรื่องการล้างขวดน้ำด้วยเครื่องล้างจาน เพราะแทบจะไม่มีบ้านไหนมีเครื่องล้างจานไว้ในครัวเรือน นอกเสียจากร้านอาหารใหญ่ๆ ที่ช่วยประหยัดแรงและเวลาพนักงานในการทำงาน แต่ในต่างประเทศนั้นมีการใช้เครื่องล้างจานกันเป็นปกติ แต่นั่นคงไม่ดีแน่ถ้าใช้ล้างขวดน้ำ เพราะอุณหภูมิของน้ำที่อยู่ในเครื่องล้างจานมีความร้อนเกือบต้มน้ำได้เลย ซึ่งความร้อนนั้นจะทำให้ขวดน้ำพลาสติกละลายและมีรูปทรงผิดเพี้ยนไป

คลีนทุกครั้งหลังปั่น

สิ่งที่นักปั่นควรฝึกนิสัยไว้เป็นประจำคือ การนำขวดน้ำดื่มมาล้างหลังการออกปั่นทุกครั้ง อย่าต่อรองด้วยการพูดว่า 'เดี๋ยวก่อน' เพราะยิ่งทิ้งขวดน้ำไว้นานเท่าไหร่ เชื้อแบคทีเรียจะยิ่งสะสมและก่อตัวขึ้นในขวดน้ำมากขึ้นเท่านั้น เชื้อแบคทีเรียเหล่านั้นเกิดขึ้นได้จากอากาศ ลม เหงื่อ น้ำลาย ฝุ่นละอองต่างๆ ที่ปะปนมากับการดื่มน้ำในแต่ละครั้ง เพราะฉะนั้นควรล้างขวดน้ำทุกครั้งเพื่อสุขภาพที่ดีของเรานั้นเอง

หลีกเลี่ยงการล้างที่รุนแรง

การทำความสะอาดที่รุนแรงเพราะหวังให้ขวดน้ำของเราสะอาดหมดจรด ปราศจากเชื้อโรคและคราบแบคทีเรียต่างๆ นั้น เป็นวิธีที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โดยเฉพาะการใช้สารฟอกขาวในการทำความสะอาดขวดน้ำ ซึ่งถือเป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ขจัดคราบได้รุนแรงมากๆ ยิ่งถ้าล้างน้ำออกไม่หมดแล้วสารฟอกขาวที่ตกค้างอยู่จะปนเปื้อนไปกับน้ำดื่มของเรานั่นเอง ดังนั้นการล้างที่ซอฟท์ที่สุดคือล้างด้วยสบู่เหลวน่าจะเพียงพอแล้ว

ทิ้งซะ..เมื่อถึงเวลา

แม้ว่าใครหลายคนจะขยันทำความสะอาดขวดน้ำบ่อยและถี่มากแค่ไหนก็ตาม แต่ขวดน้ำย่อมมีระยะเวลาการใช้งานอยู่ในตัวเสมอ เจ้าของขวดน้ำควรสังเกตขวดน้ำของเราว่าถึงเวลาที่จะเปลี่ยนขวดใหม่แล้วหรือยัง บางคราบที่ไม่สามารถลบด้วยสบู่หรือการล้างน้ำได้ อาจเป็นสัญญาณบอกเราว่าถึงเวลาที่ควรซื้อขวดน้ำใหม่แล้วนั่นเอง

 

 

ที่มา : http://manager.co.th  คอลัมน์ Feel Dood