ที่มา : เว็บไซต์แนวหน้า
น้ำตาลหนึ่งในส่วนผสมที่ให้รสชาติถูกปากใครหลายคน แต่การทานมากเกินพอดีนั้นอาจส่งผลเสียต่อร่างกายมากกว่าที่คุณคิด โดยการทานอาหารที่มีน้ำตาลผสมอยู่มากบ่อยๆ จะทำให้สมองเสพติดการทานหวาน คุณจะทานหวานบ่อยขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกายได้รับผลเสียไปเต็มๆ
วันนี้เราจึงมี 5 ข้อเสียของการทานน้ำตาลมากเกินไป พร้อม 4 วิธีเลี่ยงสุดเจ๋งมานำเสนอ
1. น้ำตาล…ตัวการความอ้วน
น้ำตาลให้พลังงานได้รวดเร็ว แต่ไม่ค่อยมีสารอาหารเท่าใดนัก และเมื่อร่างกายใช้พลังงานที่รับเข้าไม่หมด ตับก็จะเปลี่ยนน้ำตาลเป็นไขมันไปสะสมทั่วร่างกาย และเมื่อคุณติดใจในความหวาน คุณก็จะยิ่งทานหวานมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ทีนี้ไขมันก็จะพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ และก็ตามมาด้วยโรคจากความอ้วนต่างๆ
2. น้ำตาล…มาพร้อมกับเบาหวาน
แม้ว่าโรคเบาหวานส่วนหนึ่งอาจเกิดจากพันธุกรรม แต่ถ้าคุณติดหวานแม้จะไม่มีคนในครอบครัวเป็นเบาหวาน คุณก็อาจเป็นเบาหวานได้เหมือนกัน ทางที่ดีควรตรวจวัดระดับน้ำตาลในเลือดเป็นระยะๆ และควบคุมปริมาณอาหารหวานและออกกำลังกายดีกว่า แค่นี้เบาหวานก็ห่างไกลจากตัวเราแล้วล่ะ
3. น้ำตาล…ทำลายสุขภาพฟัน
รู้มั้ยว่าการทานน้ำตาลเยอะๆ บ่อยๆ แล้วไม่ทำความสะอาดช่องปากให้ดี อาจเกิดแบคทีเรียในช่องปากซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้จะย่อยน้ำตาล ทำให้เกิดกรดและสารพิษออกมาจนทำให้เกิดโรคปริทันต์ และอาจทำให้คุณสูญเสียฟันได้ นอกจากนี้ โรคนี้ยังนำมาซึ่งกลิ่นไม่พึงประสงค์ในช่องปากอีกด้วย
4. น้ำตาล…ทำร้ายหัวใจ
ไม่ได้มีแค่ไขมันเท่านั้นที่ทำร้ายหัวใจ น้ำตาลหวานๆ ก็ทำอันตรายหัวใจคุณได้เช่นกัน โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งบอกว่า คนที่ได้รับพลังงานจากน้ำตาลเกิน 17.5% ของพลังงานทั้งหมด จะมีไขมันเลวในกระแสเลือดสูงกว่าคนทั่วไป 20-30% และหากพลังงานจากน้ำตาลเกิน 25% ก็มีโอกาสที่ไขมันดีจะต่ำมากกว่าคนที่ทานน้ำตาลน้อยถึง 3 เท่า ทำให้คุณมีโอกาสเป็นหลอดเลือดหัวใจอุดตันหรือหัวใจวายได้ค่อนข้างสูง
5. น้ำตาล…อาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง
นักวิจัยบางคนเชื่อว่าน้ำตาลเป็นตัวเร่งการเติบโตและแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยอีกหลายชิ้นที่คอนเฟิร์มว่าการทานหวานจัดๆ จะเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งให้สูงขึ้นได้ ดังนั้น ถ้าไม่อยากเสี่ยงกับมะเร็งก็ต้องเลิกทานของหวานซะ
4 วิธีหยุดทานน้ำตาลอย่างมีสติ
-ห้ามอดมื้อเช้า เมื่อใดก็ตามที่คุณเริ่มใช้แรงงานและสมองก่อนที่อาหารจะตกถึงท้อง ระดับน้ำตาลในเลือดที่ลดลงจะทำให้คุณหิว และอาจคว้าของที่เพิ่มพลังงานให้ร่างกายได้เร็วอย่างน้ำตาลเข้าปากได้ง่าย ทำให้ 90% ของคนที่อดมื้อเช้า “ติดหวาน”
-ทานผลไม้น้ำตาลต่ำ ป้องกันความโหยของหวานระหว่างวันด้วยผลไม้อย่างฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู่ พุทรา รับรองเฮลตี้สุดๆ
-เลี่ยงเครื่องดื่มหวานๆ รู้ไว้ว่าเครื่องดื่มดับกระหายที่ดีที่สุดก็คือน้ำเปล่า หากต้องการกาเฟอีนก็ควรเลือกดื่มชาดำหรือกาแฟดำ
-ดีท็อกซ์ความหวานบ้าง เราไม่ได้บอกให้คุณไปเข้าคอร์สที่ไหนหรอกนะ แต่อดรสหวานสัก 2-3 วันเดี๋ยวคุณก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง แต่ถ้าหักดิบไม่ไหว ก็ค่อยๆ ทานหวานให้น้อยลง ไม่นานคุณก็จะไม่ทานหวานไปเอง
ที่มา : thaihealth