อากาศที่เย็นและแห้งในช่วงหน้าหนาว ทำให้เชื้อโรคหลายชนิดแพร่กระจายได้ดี ลูกจึงมีโอกาสป่วยได้ง่าย โดยเฉพาะอากาศบ้านเราที่แปรปรวน ตอนเช้าหนาว กลางวันกลับร้อนอบอ้าว คุณพ่อคุณแม่ยิ่งต้องดูแลลูกเป็นพิเศษ   ลองนำไปทำดูนะคะ

          ร่างกายต้องอุ่นไว้ก่อน เพราะผิวของลูกยังบอบบาง ชั้นไขมันใต้ผิวยังทำงานไม่ดี เวลานอนจึงควรห่มผ้าห่มที่หนานุ่ม แต่ไม่หนักจนเกินไป เพราะอาจทำให้ลูกอึดอัดไม่สบายตัวได้ และควรเลือกชนิดที่ถอดซักได้ เนื้อผ้าด้านนอกทำจากผ้าฝ้าย ด้านในเป็นใยสังเคราะห์ จะช่วยให้ลูกนอนหลับสบายตลอดคืน หากอากาศหนาวมากๆ ก็ควรเตรียมหมวกไหมพรม ถุงมือ ถุงเท้าที่เป็นแบบผ้ายืดที่อ่อนนุ่ม ไม่รัดแน่นเกินไป

          ไม่ปล่อยให้ผิวแห้งและคัน อาบน้ำวันละ 1 ครั้งก็พอ เพราะการควบคุมอุณหภูมิภายในร่างกายของลูกยังทำงานไม่เต็มที่ หากถูกน้ำเย็นก็อาจไม่สบายได้ ไม่ควรอาบน้ำที่ร้อนเกินไป เพราะจะทำให้ผิวลูกแห้งตึงและคันได้  รวมทั้งควรใช้ผลิตภัณฑ์สำหรับเด็กโดยเฉพาะ และพยายามเช็ดถู ทำความสะอาดผิวของลูกขณะอาบน้ำอย่างเบามือที่สุด หลังอาบน้ำให้ใช้โลชั่นหรือครีมบำรุงผิวเด็กทาผิวลูกทันที โดยบีบใส่มือแล้วลูบให้เนื้อครีมกระจาย ทาให้ทั่วแขน ขา และลำตัวของลูก เพื่อให้เนื้อครีมซึมซาบเข้าสู่ผิว รูขุมขนก็จะถูกเคลือบปิด  ทำให้ผิวคงความชุ่มชื้นได้ดี  และถ้าไม่จำเป็นอย่าพาลูกออกนอกบ้าน เพราะเมื่อสัมผัสกับความแห้งของอากาศ ผิวลูกจะสูญเสียความชุ่มชื้นได้ง่ายและรวดเร็วกว่าผู้ใหญ่  สิ่งสำคัญอีกเรื่องคือ อย่าปล่อยให้ผิวแห้ง แตก  ลูกจะรู้สึกคันยุบยิบ และเกาจนทำให้ผิวอักเสบได้

          กินดี...สุขภาพก็ดี  หมายถึง กินอาหารที่มีประโยชน์ การใส่ใจเรื่องโภชนาการของลูก ก็เป็นส่วนสำคัญในการลดโอกาสการป่วยเป็นโรคต่างๆ และยังเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่สมบูรณ์ให้แก่เจ้าตัวเล็กด้วย เริ่มจากหมั่นให้ลูกจิบน้ำอุ่นบ่อยๆ เพราะร่างกายต้องการความอบอุ่นและน้ำ เพื่อปรับสมดุลจากอากาศที่หนาวเย็นและแห้ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำมากกว่าปกติ การจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ จะช่วยให้ลูกสามารถปรับตัวสู้กับอากาศภายนอกได้ ป้องกันไม่ให้ลูกเจ็บป่วย หรือไม่สบายได้ง่าย

          ใส่ใจความสะอาดของใช้ส่วนตัวของลูก เพราะความสะอาดเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ลูกปลอดภัยจากเชื้อโรคทั้งหลาย อย่าง แบคทีเรีย จุลินทรีย์ โดยเฉพาะขวดและจุกนม เสื้อผ้า ผ้าอ้อม รวมไปถึงการล้างมือให้สะอาดก่อนป้อนอาหารให้ลูกด้วย

          เพียงเท่านี้ก็ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้เจ้าหนูห่างไกลความเจ็บป่วยแล้ว

 

 

           ที่มา : เว็บไซต์ศิริราชออนไลน์

           โดย อ.พญ.รมิดา อมรสิทธิวัฒน์ ภาควิชาชีวเคมี คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล

           ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต