ใครๆ ก็อยากมีสุขภาพที่แข็งแรง ซึ่งการจะออกกำลังกายให้ได้สุขภาพดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย

 

1. รู้จักประมาณตน การประมาณตนในการออกกำลังกายแต่พอควรจะช่วยให้ร่างกายเผาผลาญอาหารและพลังงานส่วนเกินได้ดี มีข้อสังเกตคือ ถ้าออกกำลังกายเหนื่อยแล้ว ยังฝืนต่อด้วยความหนักเท่าเดิมโดยไม่เหนื่อยเพิ่มขึ้น และพักไม่เกิน 10 นาทีก็รู้สึกหายเหนื่อย แสดงว่าร่างกายทนได้ ตรงกันข้ามถ้าออกกำลังกายจนเหนื่อยทนไม่ไหว หรือพักแล้วยังไม่หายเหนื่อย แนะนำให้หยุด เพราะขืนเล่นต่อไปอาจเกิดหัวใจวายเฉียบพลันได้

          2. มีโรคประจำตัวหรือไม่หากมีควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกวิธีการออกกำลังกายเพื่อความปลอดภัย

          3. แต่งกายเหมาะสม ควรใช้ผ้าฝ้ายเพื่อระบายความร้อนสะสมที่เกิดขึ้นขณะออกกำลังกาย เพราะความร้อนจะเป็นตัวจำกัดการออกกำลังกาย แล้วยังทำอันตรายต่อระบบต่างๆในร่างกายด้วย ส่วนการเลือกใช้รองเท้าที่ไม่เหมาะกับสภาพสนามอาจส่งผลเสียต่อการเคลื่อนไหวและเกิดการบาดเจ็บได้

          4. เลือกเวลาออกกำลังกายเวลาเช้าตรู่และตอนเย็นเหมาะที่สุดในการออกกำลังกายมากกว่าตอนกลางวัน ซึ่งจะทำให้เหนื่อยเร็วและได้ปริมาณน้อย

          5. สภาพกระเพาะอาหารควรงดอาหารหนักเพื่อป้องกันการจุกเสียดก่อนออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาอย่างน้อย 3 ชั่วโมง โดยเฉพาะกีฬาที่มีการกระทบกระแทก ควรรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยง่ายในปริมาณไม่ถึงอิ่มเป็นระยะๆจะดีกว่า

          6. ดื่มน้ำเพียงพอ หลังการออกกำลังกาย ร่างกายจะสูญเสียน้ำได้ถึง 2 ลิตรหรือมากกว่านั้น ดังนั้น ควรให้น้ำชดเชยในปริมาณเท่ากับที่สูญเสียไป โดยดื่มทีละนิดๆเป็นระยะ

          7. บาดเจ็บกลางคันขณะออกกำลังกาย ควรหยุดพักดีที่สุด แต่หากบาดเจ็บเล็กน้อยอาจออกกำลังกายต่อได้ แต่ถ้ารู้สึกเจ็บปวดมากขึ้นก็ต้องหยุด เพราะการฝืนต่อไปอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

          8. จิตใจต้องพร้อม ควรทำจิตใจให้ปลอดโปร่ง หากมีเรื่องไม่สบายใจก็ไม่ควรออกกำลังกาย เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย

          9.ความสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะออกกำลังกายให้สุขภาพแข็งแรงหรือลดน้ำหนัก จะได้ผลแค่ไหนขึ้นอยู่กับปริมาณและความหนักเบาของการออกกำลังกายด้วย

          10. พักผ่อนเพียงพอ หลังการออกกำลังกายจำเป็นต้องพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูสภาพของตนเอง และพร้อมรับการออกกำลังกายครั้งใหม่อย่างมีพลังต่อไป

 

 

          ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้วันสุข  โดย ผศ.นพ.ยุทธนา อุดมพร

          ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต